เตือนกินเมล็ดมันแกว..อันตรายถึงชีวิต !! รู้แล้วช่วยบอกต่อ!!






สธ.เตือนห้ามกินใบแก่-ฝักแก่มันแกวเด็ดขาด หลังพบในเมล็ดแก่มีสารพิษหลายชนิด มีพิษรุนแรง ทำลายตับ ไตถึงขั้นตายได้ เผยในรอบ 4 ปีชาวบ้านได้รับพิษแล้ว 9 คน ตาย 3 คน ย้ำส่วนของมันแกวที่กินได้ต้องหัว ใบอ่อน และฝักอ่อนเท่านั้น 
        เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2548-2551 กระทรวงได้รับรายงานมีประชาชนได้รับพิษจากการกินเมล็ดมันแกวจำนวน 9 ราย พบที่ จ.เชียงราย 1 ราย จ.ศรีสะเกษ 7 ราย ล่าสุดที่ จ.เลย 1 ราย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ทั้งหมดนี้แพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ 6 ราย เสียชีวิต 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 2 ขวบ 1 ราย  
นพ.ปราชญ์กล่าวว่า ส่วนของมันแกวที่รับประทานได้ไม่มีพิษ คือ หัว ใบอ่อน และฝักอ่อน โดยหัวมันแกวสามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เช่น แกงส้ม ทำไส้ซาลาเปา และทำทับทิมกรอบ ส่วนฝักอ่อนนำมาต้มจิ้มน้ำพริกได้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมนำฝักและเมล็ดอ่อนมารับประทานกับส้มตำ แต่เมื่อใบแก่ ฝักแก่แล้วจะเป็นพิษ กินไม่ได้ โดยในเมล็ดมันแกวมีสารพิษ ได้แก่ โรเทโนน (Rotenone) เพชีไรซิน (Pachyrrhizin) มีฤทธิ์ฆ่าแมลงหลายชนิด และยังพบสารซาโปนิน (Soponin) สามารถละลายน้ำได้ จะเป็นพิษต่อปลา ทำให้ปลาตาย ส่วนใบแก่ของมันแกวมีสารพิษที่มีชื่อว่า เพชีไรซิด (Pachyrrhizid) โดยทั่วไปชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักจะนำเมล็ดแก่กับฝักแก่มาบด เพื่อทำเป็นยากำจัดศัตรูพืชอีกด้วย  
มันแกว
        จากการศึกษาพิษของสารโรเทโนน พบว่าถ้ารับประทานเข้าไปจะระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และจะทำลายตับ ไต กระเพาะอาหาร ทำให้ลำไส้อักเสบ รายที่เป็นรุนแรงอาจมีปัญหาระบบกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ระบบไหลเวียนผิดปกติทำให้ชักได้ โดยสารนี้หากสูดดมเข้าไป พิษจะรุนแรงกว่า คือจะกดการหายใจทำให้เสียชีวิตได้    




        นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ที่เกิดอาการพิษจากเมล็ดมันแกว เบื้องต้นให้ดื่มนมและไข่ขาว ทำให้อาเจียน เพื่อกำจัดเศษพิษในกระเพาะอาหารให้เร็วที่สุด ลดการดูดซึมสารพิษ และให้นำส่งโรงพยาบาลทันที โดยแพทย์มักจะใช้วิธีการรักษาผู้ป่วยประเภทนี้แบบประคับประคองอาการ ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ เช่น ใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยพิษจะค่อยๆ ถูกขับจากร่างกายทางปัสสาวะ ทั้งนี้ การป้องกันก็ไม่ควรนำเมล็ดแก่ของมันแกวมารับประทานเป็นวิธีที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามกรมควบคุมโรคจะจัดทำเอกสารให้ความรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ความรู้แก่นักเรียน และเพื่อนำไปขยายผลผู้ปกครองได้ด้วย   
        มันแกวมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า เพชีไรซัส อีโรซัส (Pachyrhizus erosus (L.) Urb.) ชื่อสามัญคือแยม บีน (Yam bean) เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก และประเทศในแถบอเมริกากลาง ปัจจุบันมีการนำมาปลูกในประเทศเขตร้อนหลายแห่ง เฉพาะในไทยมีการปลูกกระจายทั่วประเทศ มากที่สุดในภาคกลาง รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มักจะปลูกในต้นฤดูฝน เพื่อเก็บหัวได้ในฤดูแล้ง โดยลักษณะทั่วไปของมันแกวเป็นเถาไม้เลื้อย มีหัวใต้ดิน ดอกเป็นช่อเดี่ยว กลีบดอกมีสีม่วงแกมน้ำเงิน ออกผลเป็นฝักแบนคล้ายถั่วลันเตา มี 4-9 เมล็ด เมล็ดมีสีเหลือง น้ำตาลหรือแดง 




ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาจาก : komchadluek.net